Monday, November 16, 2015

-Part 1- DreamTrips Romania : โรมาเนีย ประเทศในฝันที่ไม่ได้มีแค่ตำนานแดรกคูล่า

Part 1 : จากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่เมืองหมีขาว มอสโคว 

ต่อจากตอนที่แล้ว -PROLOGUE- http://vacationrightaway.blogspot.com/2015/11/romania.html

สวัสดีครับ ผม"เจ้าชายกบ" จะมาเล่าต่อนะครับว่า ในวันเริ่มต้นการเดินทางเป็นอย่างไร 

และนี่คือโปรแกรมของเราในวันนี้ครับ (27OCT)
- ออกจากสุวรรณภูมิ(BKK)โดยเที่ยวบินที่ SU271 เวลา 10:15 am
- ถึงสนามบิน Sheremetyevo(SVO) เวลา 4:10 pm 
- เข้าเชคอินและเก็บสัมภาระที่โรงแรมสนามบิน ParkInn by Radisson 
-  เดินฝ่าความหนาวไปที่ Terminal E เพื่อจับรถไฟสาย AeroExpress เข้าเมืองไปเที่ยวจตุรัสแดง
- กลับมานอนตายที่โรงแรมที่พัก โดยแวะซื้อแก้ว Tumbler Starbuck รุ่นตุ๊กตาแม่ลูกดกสุดฮิตก่อนเบาๆ 

โอเค .. เนื่องจากพวกเรา 4 คน เลือกที่จะเดินทางด้วยสายการบิน Aeroflot เวลาเดินทางที่สะดวกที่สุดคือ flight SU271 ซึ่งจะออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) เวลา 10:15 am และถึงจุดหมายแรกคือที่สนามบิน Moscow Sheremetyevo (SVO) เวลา 04:10 pm ตามตารางบิน ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 9ชม.55นาที โดยเวลาที่มอสโควจะช้ากว่าเวลาที่ประเทศไทย 4 ชม. เพราะฉะนั้น แปลว่าเราจะมีเวลามากมายบนเครื่องบินสินะ :-) 

ก่อนเดินทาง ผมได้ทำการเชคอินผ่านระบบเชคอินออนไลน์ของสายการบิน  Aeroflot มาเรียบร้อยแล้ว และพบว่า มีจำนวนผู้โดยสารเพียงประมาณ 35% ของที่นั่งเท่านั้น นั่นจึงทำให้ผมเลือกที่จะจองที่นั่งเว้นๆกับเพื่อน เพื่อที่เราจะได้พอมีเบาะด้านข้างเอาไว้ยืดเส้นยืดสาย หรือเอาไว้หมกข้าวของอันมากมายที่จะใช้ในเวลากว่า 10 ชม. ของเรา เราเตรียมพร้อมอย่างดีเสมอตามสันดานคนเลือดกรุ๊ปเอ หุหุ  แต่....

คุณพระช่วย เครื่องออก 10:15 am ผมต้องเชคอินเวลา 08:15 am แต่แทกซี่เจ้ากรรมที่ผมขึ้น ดันมายางแบนเอาบนทางด่วนซะงั้น :-( กว่าจะช่วยพี่เค้าเปลี่ยนยางเสร็จ ผมก็ไปสนามบินสายจนได้ คือถึงสุวรรณภูมิเวลา 09:08 am  โดยกำหนดการปิดเชคอินและโหลดปราเก๋า คือ 09:30 am หรือ 45 นาทีก่อนเครื่องออก เพื่อนๆก็โทรตาม ผมเลยบอกให้เข้าไปรอที่เกตเลย ในใจคิดว่า โชคดีนะเนี่ย กูเชคอินออนไลน์มาแล้ว เดี๋ยวต่อคิว  Internet Checkin น่าจะไว

เคาน์เตอร์ N12 สำหรับคนที่เชคอินและปริ๊นต์ Boading pass มาแล้ว
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่สนามบินสุวรรณภูมิอันน่าทึ่งของเรา ดูจากรูปนะฮะ คือคนยืนกันแน่นเนือง นับเฉพาะช่องเชคอินออนไลน์มาแล้ว ผมยืนเป็นคนที่ 7 และมีต่อหลังผมอีก 6 ส่วนแถวปกติ คือ 20 คนอัป  .. อืม คนเยอะไม่เป็นไร ประเด็นคือแถวไม่ขยับครับ #ตะเตือนใตมาก ทำไมเจ้าหน้าที่ภาคพื้นทุกเคาน์เตอร์ถึงนิ่งงัน ไม่ยอมทำงาน? ผมพยายามสบสายตากับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นท่านหนึ่งที่ดูเป็นหัวหน้า เพื่อจะสอบถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะนับเวลารอแล้ว ผมใกล้จวนเจียนจะขึ้นเครื่องไม่ทัน เพราะว่านี่มัน 9:30 am แล้ว!!! ในที่สุด เจ้าหน้าที่คนที่ผมพยายามส่งกระแสจิตไปก็หันมาสบตาผมครับ ผมจึงโบกมือแล้วตะโกนเสียงหนาถามทันทีว่า "ขอโทษครับ ติดปัญหาอะไรหรือครับ ทำไมถึงยังไม่ให้เชคอินสักที ผมรีบมาก กลัวตกเครื่อง" พี่คนนั้นตอบด้วยความสุภาพว่า "ขอโทษนะครับ รบกวนรอสักครู่ พอดีเรากำลังรอเคลียร์ให้จบเป็นไฟล์ทๆไปก่อน เดี๋ยวไม่เกิน 10 นาที  เราจะเปิดให้เชคอินต่อตามปกติครับ" เราฟังคำตอบแล้วก็โอเค ถือว่า follow orders ครับ  ..  รอแบบชาวญี่ปุ่นต่อไป (คือนิ่งงันไม่ฮือไม่อือและมีวินัยสุดๆ)

สัก 2-3นาที พลันมีคู่ตุนาหงันฝาหรั่งหัวทองที่ต่อคิวอยู่ท้ายสุดของแถวผม วิ่งออกไปเชคอินแบบออกตัวแรงแซงทางโค้งไปที่เคาน์เตอร์ Priority โดยมีเจ้าหน้าที่สาวป้ายห้อยคอเทรนนีมาลากไป คนรอบข้างผมออกอาการงง ผมก็เช่นกัน ผมเลยตะโกนเรียกน้องเค้าด้วยวาจาสุภาพแต่ดุดัน "คุณน้องคะ (เริ่มหลุด) คือพี่งงว่าทำไมสองคนนั้นไปเชคอินได้ก่อนคนอื่น แล้วพวกที่ยืนๆอยู่นี่คืออะไรคะ?!?!" น้องเทรนนีตอบอย่างนอบน้อมว่า "อ๋อ ผู้โดยสารคู่นั้นเดินทางไฟล์ท SU271 ค่ะคุณผู้โดยสาร เลยต้องให้ไปก่อน เพราะนี่คือ  last call แล้วค่ะ เดี๋ยวตกเครื่อง" อ้าววว!! กูก็ SU271 นะคะ (นึกในใจ) แล้วก็บอกน้องไปว่า "พี่ก็ SU271 ครับแล้วทำไมถึงไม่ประกาศ ทำไมถึงไม่แจ้ง พี่ก็ต่อคิวยืนนิ่งเป็นผู้โดยสารญี่ปุ่นอยู่เนี่ย ถ้าตกเครื่องจะทำยังไง?!?!?!" (น้ำเสียงเหมือนป๋อมแป๋มเทยเที่ยวไทยตอนตกน้ำที่เมืองกาญฯ) 

หลายๆท่านที่อ่านมาถึงจุดนี้ อาจจะคิดว่า เราเป็นพวกไม่อ่านป้าย ไม่ฟังคำประกาศ มาสายแล้ววีนเป็นมนุษย์ป้าเหมือนที่โดนแชร์ลงพันทิปหรือโซเชี่ยลแคม พลางเบะปากรัวๆด่าเราในใจ แต่มันไม่ใช่นะ เราเดินทางบ่อยมากกกก เอาว่า มีสแตมป์ ตม.จากนานาประชาชาตินับสิริแล้ว 42 ดวง ในหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน และไม่เคยตกเครื่องเลยสักครั้งในชีวิต  ..  คือ  ที่แถวเชคอิน มอนิเตอร์ก็ขึ้นว่า SU271 and economy all flight Checkin ตั้งแต่เคาน์เตอร์  N12-15 เลย ดูในรูปสิเธอว!! และเราก็เคารพในประกาศและจอมอนิเตอร์เสมอมา เพราะนี่คือวิถีแห่งผู้เจริญแล้วป่ะ คือรับผิดชอบตัวเอง อ่าน Info แล้วก็ follow ในเมื่อจอที่เคาน์เตอร์โหลดกระเป๋า ยังโชว์ว่า SU271 baggage drop off นั่นแปลว่าเราต่อแถวไม่ผิด และเราต้องเข้าคิว เรารู้ตัวว่าเรามาสาย แต่!! มันยังอยู่ในข่วงเวลาที่เชคอินได้ เกตยังไม่ปิด แต่เรายืนรอนานมากจนจะปิด หมายความว่าใครบกพร่องไม่ทราบ?! เจ้าหน้าที่ควรประกาศเรียกสิ ว่าท่านผู้โดยสารที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางไปมอสโควไฟล์ทนี้ๆๆ ให้ออกมาเข้าคิวที่ไพรออริตี้เลยครับ  อะไรก็ว่าไป .. สรุป เราต้องลากอีฝรั่งรอบๆอีก 4 ชีวิตที่จะไป  SU271 ด้วยกัน รีบไปเชคอินที่ช่องไพรออริตี้ โดยมีสแตมป์จากสังคมบนหน้าผากว่า "พวกมาสาย" เอาล่ะ... พี่จะไม่วีนนะ พี่จะใจเย็น .. แต่ ทันใดนั้นเอง เจ้ากรรมนายเวรก็ทำงานครับ เมื่อเราโหลดปราเก๋าเรียบร้อยโดยไม่มีปัญหาอะไรใดๆกับเจ้าหน้าที่กราวน์เลย(ขอบคุณมากครับ) แว่วเสียงมาจากทาง 10 นาฬิกา เคาน์เตอร์สุดท้ายของ ROW N ว่า "นี่ไง คนไทยคนนี้แหละที่มาคนสุดท้าย มาช้ามาก เกือบตกเครื่องแล้วเนี่ย" ตัว anger แบบใน Inside out ก็แสดงตนทันที ..

ปรี๊ดดดดดด

พี่ทุบเคาน์เตอร์เลยค่ะ!! พร้อมด่ากราดด้วยเสียงดังแบบได้ยินถึงแถว  N01 แน่ๆ ตาก็มองป้ายชื่อ พร้อมเสมอถ้าจะไฟท์ แต่พี่ชายคนนั้นก็ดูหดเล็กลงๆ (ไม่รู้หดทำไม) พอด่าจบครบบรรทัดที่เรียงไว้ในหัว ก็รีบวิ่งไปเกต E7 แบบทุลักทุเล ไม่มีเวลาฉีดน้ำหอมฟรีที่คิงพาวเวอร์เลยอะ เพราะเป็นเวลา boarding ไปแล้ว ก็วิ่งๆเดินๆจักกะแร้เปียกมาก เสื้อแบบคาร์ดิแกนเตรียมสู้อากาศแห้งๆหนาวๆที่ใส่มาทำร้ายมาก ดีนะที่เต่าไม่เหม็น พอถึงเกต E7 ซึ่งเกือบสุดซอยอะ คุณเพื่อนอีก 3 ชีวิตแทบจะเปิดแชมเปญสาดหน้าในฐานะที่มาทันประหนึ่งแข่งฮาล์ฟมาราธอนเข้าเส้นชัย ..... เราไม่คิดเลยว่ามันจะเหนื่อยขนาดนี้ จริงๆนะ  เอาล่ะ ขึ้นเครื่องๆ 

GATE E7

เครื่องที่เราเดินทางจาก  BKK-SVO วันนี้  เป็นเครื่องแบบ 777-300ER เราชอบสีเครื่องบินแบบนี้มาก คือ เหมือนสีเมทัลลิคเงินๆ เพราะดูดุดัน ทันสมัย และไม่เก่าเร็วดี  

BOING 777-300ER

SEAT PLAN ของ EY เป็นแบบ 3+4+3 จะไม่หลวมเหมือนของ TG ที่เป็นแบบ 3+3+3 แต่ในแง่ความรู้สึก  ไม่ต่างกันมาก  เพราะ aisle ก็แคบลง  เพื่อให้ที่นั่งพอดีขึ้นตามไปด้วย   


ที่นั่งใน Economy Class

ส่วนเรื่องของความสบาย จะบอกว่าเบาะ Aeroflot เหมือนจะเล็กกว่าของ TG แต่นั่งแล้วสบายกว่าและไม่ไหล  legroom พอๆกัน  ระบบ Inflight Entertainment รีโมทใช้ง่าย  จอสัมผัสต้องออกแรงมากหน่อย ตัวเลือกอย่างหนัง เพลง รายการทีวีก็มีครบถ้วน มีที่เสียบสาย USB แบบที่สายการบินในปัจจุบันมีกันเป็นมาตรฐาน แต่ไม่ถึงขั้นล้ำหน้าเหมือนสายการบินแขก  ซึ่ง.. เราก็คิดว่าไม่ได้จำเป็นอะไร เท่านี้ถือว่าผ่านมาตรฐานแล้ว พอๆกับของ TG JAL ANA CX แหละ  

วีดีโอต้อนรับและข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย

ทีนี้  มาดูที่ลูกเรือกันบ้าง  ตามปกติเราคิดภาพว่า  สายการบินรัสเซีย  ลูกเรือรัสเซีย  มันจะต้องโรบอท ยิ้มยาก ปากตก และพูดไม่รู้เรื่องใช่ป่ะ แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้เลวร้ายนะ ลูกเรือทำงานดีตามมาตรฐาน หน้าอาจจะดูเชิดๆบ้างตามเนเจอร์คนรัสเซีย แต่ถามอะไรก็ตอบขออะไรก็ให้นะ  แต่ภาษาอังกฤษของพวกเขามันช่างฟังยากส์เหลือเกินอะ เท่านั้นเอง ต้องสื่อสารกันดีๆ ก็ไม่มีปัญหา

แพม กบ อานน และเซีย Travel companions ทริปนี้

เรานั่งที่นังตัว H กับ K ริมหน้าต่างฝั่งกราบขวา โดยจะมีที่นั่งตัว J คั่นเว้นไว้ที่นึงอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรก จะเอาไว้เล่นกิงก่องแก้วครับ ^^ พอเครื่องขึ้นสัก ชม. ก็เริ่มมาบริการเครื่องดื่มกับอาหาร บอกนิดนึงว่า สายการบิน Aeroflot ไม่มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดแม้แต่ไวน์ ใน Economy class ในเส้นทางกรุงเทพ-มอสโคว เหตุผลมันมีอยู่ว่า ผู้โดยสารกว่า 90% ที่ใช้สายการบินนี้ เป็นชาวรัสเซียซึ่งเป็นชนชาติที่ชอบมาเที่ยวเมืองไทยมาก และก็เป็นชนชาติที่ดื่มหนักมากเช่นกัน ปัญหาคือเมื่อก่อน มักมีผู้โดยสารเมาเละจนลงมานอนเหม็นที่สนามบินสุวรรณภูมิเสมอ แล้วก็สื่อสารไม่รู้เรื่อง จนต้องทำให้เจ้าหน้าที่การท่า ต้องกักตัวผู้โดยสารเหล่านั้นไว้เพราะเมาซึ่งมัน Nonsense มากจนทางท่าอากาศยานเรากับทางสายการบิน Aeroflot ได้หารือกันในการแก้ปัญหานี้ สรุปจบที่ไม่เสริฟเหล้าครับ จะได้ไม่มาเรื้อนที่สนามบินให้ต้องเสียเวลาทั้ง ตม.ทั้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นและลูกเรือที่ต้องลงมาเป็นพยานหรือมาเซ็นรับรู้อะไรต่างๆ 

เพราะฉะนั้น เครื่องดื่มหลักจึงเป็น Softdrink และน้ำผลไม้นั่นเอง ส่วนอาหารขาออกจากสุวรรณภูมิ มั่นใจว่าใช้ Catering ของการบินไทยแน่ๆ หน้าตาคุ้นมาก รสชาติดีงาม โดยจะเสริฟกัน 2 มื้อ  คือมื้อเที่ยงกับมื้อค่ำก่อนเครื่องลงที่มอสโควครับ

TRAVEL KIT ย่อมๆที่แจกทุกคนตั้งแต่แรก
บริการเครื่องดื่ม ไม่มีถั่วงานะ

น้ำแอปเปิ้ลรสชาติดีเชียว Aeroflot ใช้ Wax cup ที่ได้รับการสนับสนุนจาก CocaCola ดี้ดี อยากให้ TG เอาบ้าง 

อาหารมื้อแรก พาสต้าครีมซอสไก่ มีอีกตัวเลือกเป็นข้าวหน้าปลา


เส้นทางบิน


อาหารมื้อสองก่อนลง พาสต้าเนื้อตุ๋น

เผลอแปปเดียว (หราาาาา) ดูหนังจบไป 3 เรื่องกับหลับๆตื่นๆก็ถึงเวลาลงแล้ว เย้!!! โดยที่ไฟล์ทนี้ เราลง 03:40 pm ก่อนเวลาประมาณ 30 นาทีเลย กัปตันแจ้งว่า... เอิ่มมมม ฟังไม่รู้เรื่องอะ ภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียของกัปตันท่านนี้ช่างฟังยากเหมือนเพลงของ Björk เลยอะ รบกวนขอซับไตเติ้ลได้ป่ะฮะ 555 แต่สรุปว่า ก็ลงสู่สนามบิน Moscow Sheremetyevo อย่างนุ่มนวลดุจแพรหมี ..ละกันนะ Smooth as Bear's fur ครับ นักบินแลนด์ดิ้งได้นิ่ง นิ่มมาก มากจนอยากรัวมือให้เลย ผมกับแพมนี่หันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมายทันทีที่เครื่อง Touchdown แล้วขยับปากพร้อมกันอีกว่า "ลงนิ่มมากกก" .. เออ ทีเวลามีแฟน ทำไมมันไม่ใจตรงกันแบบอีเพื่อนสาวมั่งวะ .. #กบคิดในใจ
สนามบิน Sheremetyevo
เมื่อถึงที่สนามบิน SVO แล้ว เราก็ต้องผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ก็ถามอะไรนิดหน่อย ไม่ได้จุกจิกยุ่งยากอะไรเลย เจ้าหน้าที่หน้าบึ้งมาก แต่มันคือเนเจอร์เค้าเลยล่ะ อย่าเครียดไป แล้วก็อย่างที่ทราบกันว่าคนไทยไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าในการเข้าประเทศรัสเซีย สามารถอยู่เพื่อท่องเที่ยวได้ 30 วัน ซึ่งถือเป็นอะไรที่ดีนะ เพราะตอนนี้คือชัดเจนมากว่ารัสเซียจะกลับมายิ่งใหญ่ เราเป็นมิตรที่ดีกับชาติรัสเซียไว้ไม่เสียหลายครับ


หน้าสดมาก 

เราออกมารอรถ shuttle bus ของโรงแรมที่เราจองไว้คืนนี้ เพื่อที่จะเข้าพักก่อนที่จะต่อเครื่องไปบูคาเรสต์ในเช้าวันรุ่งขึ้น โรงแรมนี้คือ ParkInn by Radisson เป็นโรงแรมแบบ business hotel สำหรับคนมาต่อเครื่องเลยแหละ ราคาคืนละประมาณ 2 พันบาทต่อห้องแบบ TWIN ROOM ไม่มีอาหารเช้า ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เราโอเคเลย ห้องก็ใหญ่โตปกติ ห้องน้ำก็ไม่แคบ ให้ 3 ดาวมาตรฐานครับ 

พอเก็บกระเป๋าแล้ว เราก็ออกพร้อมออกไปผจญภัยกันล่ะ จุดหมายย่อยของเราวันนี้คือ Red Square หรือจตุรัสแดง มหาวิหารเซนต์เบเซิล และพระราชวังเครมลินนั่นเองครับ โดยเราจะไปโดยรถไฟด่วนจากสนามบินที่เทอร์มินัล E ที่เราเดินจากโรงแรมไปได้เลยแค่ 160 เมตรเท่านั้น แต่ 160 เมตร นี้ช่างทรมานเหลือใจ เพราะเวลา 4:45 pm ที่ Sheremetyevo นั้น  อุณหภูมิเริ่มลงมาถึง 6 องศาแล้ว หนาวมาก พวกเรา 4 คนเดินจ้ำอ้าวๆ แต่ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปมาให้ดูกันหนึ่งชอตเซลฟี่สั่นครับ^^

พี่หนาวกันมาก  บอกเลย

เมื่อมาถึงที่สถานี Aeroexpress สถานีรถไฟด่วนพิเศษ เส้นทางสนามบินเข้าสู่เมือง เรื่องปกติของประเทศเจริญแล้วที่ต้องมีกัน ก็ได้เวลาซื้อตั๋ว จากสนามบิน Sheremetyevo (Международный Аэропорт Шереме́тьево) - สถานี Belorussky (Белорусскии вокзал) ราคาต่อเที่ยว 470RB (หรือประมาณ 265บาท ณ เดือน ตุลาคม 2015) 
การซื้อตั๋วสามารถซื้อได้ทั้งทางตู้อัตโนมัติ ด้วยเงินสด บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่มีชิป หรือจะซื้อกับห้องขายตั๋วก็ได้ ซึ่งเราซื้อกับห้องขายตั๋วเพื่อความไม่สับสนกับภาษาบนตู้แบบอัตโนมัติครับ

ที่ซื้อตั๋ว Aeroexpress

ขบวนรถไฟ

*Aeroexpress เป็นโครงการที่แล้วเสร็จเมื่อปี 2007 โดยใช้เงินลงทุนไปทั้งสิ้น 7.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯโดยมีการสร้างชานชลาสำหรับผู้โดยสารแยกออกจากอาคารสถานีรถไฟ Belorussky (Белорусскии вокзал) ภายในจะมีตู้เชคอินอัตโนมัติสำหรับผู้โดยสารสายการบินหลักๆให้เชคอินได้ตั้งแต่ที่สถานีรถไฟ เพื่อให้ประหยัดเวลาในกรณีเร่งด่วน*
**ที่ต้องลงภาษารัสเซียไว้ เผื่อว่าใครสนใจจะตามรอยพวกเรา ก็ขอบอกไว้เลยว่า ต้องจำตัวอักษรรัสเซียให้ดี อย่าคิดว่าที่ปลายทางหรือในเมืองจะมีภาษาอังกฤษ เพราะท่านจะอกหักแบบที่เราประมาทมาแล้วครับ #ตะเตือนใต มาก** 

แผนที่รถไฟ  เข้าใจง่ายมากเลยอะ เนอะ!!!

แพมกลมกลืนกับที่นั่ง



คนข้างๆออนไลน์ทันทีที่มีโอกาส หุหุ


เราขึ้นรถรอบ 05:30 pm ซึ่งจะถึงสถานี Belorussky (Белорусскии вокзал) เวลา 06:05 pm โดยตารางรถไฟจะออกทุกๆ 30 นาทีเป๊ะๆตั้งแต่ตี 5 จนถึงเที่ยงคืนของทุกวันทั้งขาเข้าและขาออก เมื่อเข้าไปในรถ ก็จะเป็นที่นั่งแบบหันไปข้างหน้ารถไฟ มี 2 ฝั่ง ฝั่งละ 3 ที่นั่ง ในรถไฟมีไวไฟฟรีให้ใช้ในความเร็วระดับ 4G รถไฟนุ่มนวลดี ไม่กระตุกกระชากเหมือนแอร์พอร์ตลิงค์บ้านเรา แปปเดียวก็ถึงสถานีปลายทางของ Aeroexpress Belorussky (Белорусскии вокзал) ตามเวลาเป๊ะๆ

ใต้ดินที่สถานี Belorussky สวยมาก

รูปจาก WikiPedia สถานี Belorussky 
***สถานี Belorussky (Белорусскии вокзал) เป็นสถานีรถไฟเก่าแก่กว่า 140 ปี เป็นสถานีร่วมของรถไฟหลายสาย ทั้งที่วิ่งภายในประเทศ และวิ่งออกไปยังต่างประเทศ(โปแลนด์ ลิธัวเนีย เบลารุส ฝรั่งเศส ออสเตรีย เชค สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมันนี)***

แล้วจากสถานี Belorussky (Белорусскии вокзал) ก็จะต้องต่อรถไฟใต้ดินสายสีเขียวหมายเลข 2 เพื่อต่อไปยังสถานี Teatralnaya (Театра́льная) อีก 2 สถานี ด้วยราคาตั๋ว 20RB (หรือประมาณ 15 บาท ณ เดือน ตุลาคม 2015) โดยจะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องระยะทาง คือไปไหนก็ราคาเดียวนี่แหละ พอถึงสถานี Teatralnaya (Театра́льная) ก็เดินออกประตู 3-4-7 จะใกล้จตุรัสแดงที่สุด แต่ถ้าออกผิดก็ไม่เป็นไรครับ เพราะออกทางไหน  เดินบนบกก็ถึงเหมือนกัน เห็นง่ายด้วย 

เดินค่ะ  เดินไกลมาก แต่ไม่เหนื่อย  เพราะหนาววววว


ไม่ชอบถ่ายรูปกันเท่าไหร่อะ


ที่ขายตั๋วรถใต้ดินครับ

ซื้อตั๋วแล้วก็ลงมาโลด สถานี Teatralnaya ก็งดงามมากมายเหมาะกับเราไงมิรุ


ผู้คน

เตรียมขึ้น

เรามาถึงที่จตุรัสแดงช้าไปพอสมควรคือทุ่มครึ่ง เพราะเรามัวแต่งมทางกันทางรถไฟใต้ดิน เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่มีเลย เราเลยหลงๆกัน แต่โชคดีมากๆเซียกับแพมมาด้วย สองคนนี้เคยมามอสโควหลายครั้งแล้ว และพอจะมีภาพลางๆในหัวว่าจะไปทางไหนอย่างไร เลยรอดตัวครับ อานนกับกบก็ปล่อยให้สองสาวเป็นเนวิเกเตอร์ไป และเราก็มาถึงจนได้  ระหว่างทาง เราได้พบชาวรัสเซียที่ใจดีมาก เดินมาส่งเราถึงทางหลัก เพราะหลัวเราหลง แล้วตอนเราซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน คุณป้าประจำตู้ตรวจก็มาช่วยเราซื้อตั๋วด้วย ถึงจะหน้าบึ้งและเอาแต่ชีโบ้ชี้เบ๊แต่คนที่นี่จริงๆแล้วใจดีมากนะครับ 

เรามาถึงก็มืดแล้ว บรรยากาศเลยเป็นแบบนี้ ดูรูปเอานะครับ งานรูปล้วนๆ
****จตุรัสแดง หรือ Red Square (Красная площадь) ชาวรัสเซียเรียกว่า "คราสนียาปลัวเชท" คำว่าคราสเนอเยอ แปลว่าสีแดง มาจากการที่อาคารและสิ่งก่อสร้างในบริเวณรอบๆนี้ สร้างขึ้นด้วยก้อนอิฐสีแดง ทั้งพิพิธภัณฑ์แห่งรัฐบาลทางทิศเหนือ ใกล้ประตูทางเข้าหลัก พระราชวังเครมลินซึ่งปัจจุบันเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีอยู่ทางทิศตะวันตก , สุสานเลนนิน ผู้ก่อตั้งสหภาพโซเวียต ทางทิศใต้ , วิหารหลวง เซนต์เบเซิ่ลทางทิศตะวันออก และห้างสรรพสินค้า GUM ที่อดีตเป็นตลาดสินค้าที่รุ่งเรือง ล้วนก่อสร้างด้วยอิฐสีแดงเกือบทั้งสิ้น****


ประตูทางเข้าหลักทางทิศเหนือ

GUM อาคารสรรพสินค้าทางทิศตะวันออกของจตุรัส

แพมแพม เห็นสวยแบบนี้  ขี้มูกยืดแล้วค่ะ

เซีย  เห็นยิ้มแบบนี้ หูจะหลุดแล้วค่ะ

กลับค่ะกลับ ได้รูปกับ St.Basil's Cathedral แล้วกลับค่ะ อยู่นานกว่านี้หัวจะหอมเหมือนหลังคาวิหารแน่ๆ

สีสันคือแบบ.. เอาจริงมาก

สุดท้ายก่อนลา

เดินออกมาข้ามคลองกลับสถานีรถไฟอีกด้านนึง เห็นเครมลินชัดมาก





เราอยู่ตรงนี้กันพักใหญ่ จนเริ่มทนความหนาวไม่ไหว คือมือจะหลุดหูจะขาดกันละ ก็ตัดสินใจว่า กลับกันดีกว่า ระหว่างเดินออกจากเขตรั้วของจตุรัสแดง ผมได้เจอเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวส่วนมากที่มาเที่ยวน่าจะเจอกัน คือโดนล้วงกระเป๋า คือระหว่างที่เราก็ลั้ลลาตามประสาคนไม่เคยมาไง ก็ถ่ายรูปใหญ่เลย เดินสิบก้าวก็ถ่าย หยุดๆเดิน จนกระทั่งกลายเป็นผมเดินรั้งท้ายเพื่อนๆอยู่คนเดียว ระหว่างที่กำลังยกกล้องขึ้นจะกดชัตเตอร์ รู้สึกเหมือนมีใครมาอยู่ข้างหลัง ก็หันควับเลย เจอผู้หญิงเป็นผู้ใหญ่ 2 คน อุ้มเด็กราวๆ 8-9 ขวบมาคนนึง พอเราหันไปเท่านั้นแหละ มือนางคนนึงก็ชักออกจากเป้สะพายหลังเรา คือรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอะเกตมะ เรานี่คือหันควับไปแล้วทำหน้าดุใส่พร้อมก้าวเท้าเข้าไปหาพวกนางทำท่าจะเอาเรื่อง เหมือนหมาบ้านขู่หมาจรอะนึกออกป่ะ นางโจรก็เลยผละหนีเดินควับไปอีกทางอย่างรวดเร็วแล้วทำเสียงโวยวายๆจับภาษาไม่ได้ หน้าตาคนพวกนี้ออกไปทางพวกยิปซี ผมดำ ตาดำ ก็เตือนๆกันไว้ว่าระวังให้ดี กระเป๋าปิดดีๆ เอามาไขว้ไว้ข้างหน้าจะดีที่สุด เพราะเชื่อมั้ย ว่าพอเราเดินไปจนตาม แพม เซียกับอานนทัน อีนาง 2 คนนั้นก็มาโผล่อยู่ตรงแพมพอดี แล้วแพมก็โดนประกบเข้าไปด้วย แต่แพมวี๊ดใส่อย่างไม่ลังเลไวกว่าเซฟทีคัท นางก็อดครับ .. จริงๆมีตำรวจตรงนั้นไม่ไกล แต่นางโจรก็วืดหายไปอีกละคล้ายกับสัมภเวสี เราแปลกใจมากว่าสัมภเวสีมาทำอะไรที่มอสโคว นางควรอยู่แถววัดสุทัศน์กับเพื่อนเปรตนางมากกว่านะ เครมลินไม่เหมาะกับนางเลยอะ 









แล้วเราก็กลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนกัน เอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ที่เราจะได้ไปทริปของจริงของเรากันละ 

ขอจบ -Part1- เอาไว้ตรงนี้ 
ขอบคุณที่ติดตาม 
เราจะรีบกลับมาเล่าตอนต่อไปอย่างไววื่อสุดๆเท่าที่ใจเราจะนำพา

>>สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ ราคาต่อคน<<
- ค่าตั๋วเครื่องบินทั้งหมด  4  เที่ยวบิน  BKK-SVO-OTP / OTP-SVO-BKK โดยสารการบินแห่งชาติรัสเซีย Aeroflot เป็นราคา 25,000฿ 
- ค่ารถไฟจากสนามบินเข้าเมืองมอสโควและค่ารถไฟใต้ดิน 650฿ 
- ค่าโรงแรมที่พัก 1,000฿ 

ป.ล. ภาพประกอบไม่รู้ทำไมไม่ชัด รูปต้นฉบับชัดมาก ใครรู้ว่าทำไงให้ชัดบอกเค้าด้วยนะ
**สำหรับรูปแบบชัดๆ ตามไปดูกันที่ FACEBOOK.com/vacationrightaway นะครับ 

Sunday, November 15, 2015

-Prologue- DreamTrips Romania : โรมาเนีย ประเทศในฝันที่ไม่ได้มีแค่ตำนานแดรกคูล่า

-PROLOGUE- 

สวัสดีครับ 
ก่อนอื่น ผมคือ"เจ้าชายกบ"ต้องขอแนะนำตัวก่อนเบาๆ ว่าเป็นนักเดินทางมืออาชีพ แต่นี่คือการตั้งกระทู้การท่องเที่ยวเต็มๆครั้งแรกเลย ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวเพื่อนๆนักเดินทางทุกคนด้วยนะครับ 

**FYI** 
อยากให้เข้าใจก่อนอ่านกันนิดนึงว่า ในการเล่าประสบการณ์ในครั้งนี้ จะเล่าแบบค่อนข้างละเอียด เหมือนเพื่อนมาเล่าให้เพื่อนฟังแบบน้ำลายแตกฟอง ว่าไปเที่ยวมาเป็นอย่างไรบ้าง และจะมีรายละเอียดตั้งแต่เริ่มคิดจะไปจนกลับมาเลย เอากันตั้งแต่จองทริป หาตั๋ว ทำวีซ่า ตอนไปเที่ยว จนกลับสู่ประเทศสยามโดยสวัสดิภาพ เพราะฉะนั้น ถ้ามันอาจจะดูเวิ่นเว้อไปบ้าง ก็อ่านข้ามๆ ดูรูปคนหน้าตาดีเล่นๆเอาก็ได้นะครับ ^^ แต่ถ้าคนที่ชอบข้อมูลละเอียดๆ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง เพราะผมตั้งใจจะเล่าแบบละเอียดจริงๆ พร้อมภาพประกอบมือสมัครเล่นตามเรื่องราวการเดินทางแบบครบถ้วนเลยครับ

เนื้อหาของกระทู้จะแบ่งเป็นตอนๆตามวันที่เดินทางไปเที่ยว โดยจะประกอบไปด้วย
- เรื่องที่ควรทราบเกี่ยวกับการขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศโรมาเนีย
- การเดินทาง สายการบิน โรงแรม แพคเกจท่องเที่ยว 
- เส้นทางการท่องเที่ยว พร้อมเรื่องราวที่ควรทราบเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ
- รูปถ่ายมือสมัครเล่น.. มากมาย
- วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหารการกิน ค่าครองชีพ สังคมในโรมาเนีย
- เรื่องที่นักท่องเที่ยวควรทราบ อะไรควร ไม่ควร อะไรต้องเตรียมไป อะไรต้องรู้ก่อนไป
- สรุปค่าใช้จ่าย เปรียบเทียบความคุ้มค่าอย่างตรงไปตรงมา
- มีรีวิวไปเที่ยวมอสโควด้วย เพราะเราไปทรานสิทที่นั่น

เอาล่ะ จะขอเริ่มเล่าละนะ การเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศโรมาเนียครั้งนี้ พวกเราเดินทางไปกันเองหมายถึงเราจัดแจงเรื่องตั๋วเครื่องบิน วีซ่ากันเอง ผนวกกับการซื้อทริปสำเร็จรูปแบบ fully escorted กับ DREAMTRIPS นั่นคือพอไปถึงที่โรมาเนียแล้ว เราก็จะไปเที่ยวร่วมกับคณะทัวร์ของดรีมทริปส์ ที่มีนักท่องเที่ยวที่จองมาจากทั่วโลกกันที่นู่นครับ 
อาคารที่มีช่องลมใต้หลังคาคล้ายรูปตา  ที่เมือง SIBIU

และนี่คือโปรแกรมการท่องเที่ยวนะครับ
Halloween Tour on Dracula's Homeland
วันที่ 28 ตค 
รับที่สนามบินบูคาเรสต์พาท่านเดินทางเข้าโรงแรมที่พัก 

วันที่ 29 ตค
อิสระในบูคาเรสต์ / Welcome Dinner

วันที่ 30 ตค
อาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก / เดินทางตามรอยแดรกคูล่า เริ่มที่โบสถ์ Episcopal  / ปราสาทแดรกคูล่า Poienari ที่ต้องเดินขึ้นบันได 1,480 ขั้น / มื้อเที่ยงที่ร้านอาหารใกล้ปราสาท / เส้นทาง Carpathians Mountains / เมือง Sibiu ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Bucharest เป็นเมืองหลวงของแคว้นทรานซิลเวเนีย ได้รับตำแหน่งเมืองที่เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของยุโรป ในปี 2007 เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามในแบบยุคกลาง ยังคงความสมบูรณ์แบบ และ UNESCO ก็ยกให้เป็นเมืองมรดกโลกด้วย และยังได้รับยกย่องให้เป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่น่าอยู่อาศัยที่สุดอันดับ 8 ของยุโรป จากนิตยสาร Forbes 

วันที่ 31 ตค
อาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก / เที่ยวชมเมือง Sibiu และอิสระชมเมือง 12:00-14:00 / เดินทางไปยังเมือง Hunedoara / เข้าโรงแรมที่พัก และไปร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อมปาร์ตี้ฮัลโลวีน ที่ปราสาท Hunyad Castle ที่เชื่อว่ามีวิญญาณอาศัยอยู่มากมาย ปราสาทเก่าแก่ของตระกูล Hunyadi ที่สร้างขึ้นในยุคกลางตอนปลาย หรือช่วงศตวรรษที่ 15 ให้ทุกคนดื่มด่ำกับบรรยากาศวันปล่อยผี ในปราสาทที่มีอายุกว่าห้าร้อยปี และเป็นที่ที่ วลาด ดรากูล หรือแดรกคูล่า เคยถูกคุมขังอยู่ถึง 7 ปี และเป็นที่เชื่อกันว่า  วลาดที่2 บิดาของแดรกคูล่า ก็ถูก John Hunyadi ต้นตระกูล Corvinus ที่โด่งดัง สำเร็จโทษที่นี่ด้วยเช่นกัน 

วันที่ 1 พย
อาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก / เดินทางไปยังเมือง Alba Iulia ชมโบสถ์ วิหารต่างๆที่สร้างขึ้นในสมัยต้นศตวรรษที่16 เนื่องจากเมือง Alba Iulia เคยเป็นประเทศหนึ่งในแคว้นทรานซิลเวเนีย ที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาแบบโรมันคาทอลิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอดีต และยังเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรฮังการีตะวันออก ในปลายศตวรรษที่ 17 อีกด้วย / ชมป้อมปราการโบราณ ที่สร้างแบบ Vauban หรือป้อมปราการแบบฝรั่งเศสที่ปัจจุบัน เหลือแค่ 22 แห่งในโลก / อาหารเที่ยง ในบรรยากาศปัอมปราการโบราณ / เดินทางไปยัง Sighisoara เมืองมรดกโลก หนึ่งในประเทศเก่าแก่ในแคว้นทรานซิลเวเนีย ที่มีชาวเยอรมันที่เคยแฝงตัวในยุคสงครามอาศัยอยู่มากที่สุดในโรมาเนีย 

วันที่ 2 พย
อาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก / ชมเมือง Sighisoara เมืองมรดกโลกอีกแห่งที่อยู่บนยอดเขา ตึกและอาคารกว่า 90% ที่นี่มีอายุกว่า 500 ปี และเป็นมรดกโลกทั้งหมด  / อาหารเที่ยงที่ร้านอาหาร / เดินทางสู่เมือง Brasov เพื่อเชคอินเข้าพักโรงแรม / เดินทางสู่ปราสาท Bran เพื่อเข้าชมอีเวนต์พิเศษ ที่จัดขึ้นเพื่อเอาใจแฟนตำนานแดรกคูล่า ที่ปราสาทแดรกคูล่าตามท้องเรื่องในนิยายที่ใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด จนคนเรียกกันติดปากว่าปราสาทแดรกคูล่า โดยปัจจุบัน เป็นทรัพย์สินในดยุคของออสเตรีย-ทัสคานี / ทัวร์ปราสาท  พร้อมชิมไวน์ท้องถิ่น / เดินทางกลับโรงแรม

วันที่ 3 พย
อาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก / ชมเมือง Brasov ที่มีโบสถ์ดำที่มีชื่อเสียง สร้างขึ้นในยุคกลาง และชมประตูเมือง Ecaterina  และให้อิสระจนถึง 14:00 / เดินทางไปหลุมฝังศพของ วลาด ดรากูล หรือแดรกคูล่า ที่หมู่บ้าน Snagov ทางตอนเหนือของเมืองหลวงบูคาเรสต์ / กลับสู่บูคาเรสต์ เที่ยวชม Triumph Arch , Victory Square , Magheru Avenue , Royal Palace , Atheneum , Revolution Square , Calea Victoriei Avenue , Unirii Square , Parliament Palace / เข้าพักโรงแรม

วันที่ 4 พย
อาหารเช้าที่โรงแรมที่พัก / เชคเอาท์ 12:00 แล้วเดินทางสู่สนามบินบูคาเรสต์




โปรแกรมการท่องเที่ยวคร่าวๆคือแบบนี้เลยครับ นี่เลยถือเป็นการเดินทางไปเที่ยวประเทศโรมาเนียครั้งแรกในชีวิต เนื่องจากโปรแกรมมันน่าสนใจมาก เพราะเป็นช่วงวันฮาโลวีนพอดี๊พอดี ซึ่งในโปรแกรมการเดินทางนั้น มีคืนเฉลิมฉลองวันฮาโลวีน หรือปาร์ตี้ฮาโลวีนที่ปราสาทคอร์วินัสด้วย ว้าว!!!! นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมกับเพื่อนๆสนใจ เพราะถ้าจะว่ากันตามตรง ประเทศโรมาเนียเนี่ย เป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ใน Bucket list ของผมมาก่อน คืออยากไปมันทุกประเทศแหละคนเราอะ แค่ไม่คิดว่าเร็วๆนี้อะไรแบบนี้ แต่พอมีคำว่า "ปาร์ตี้ฮาโลวีนในปราสาทยุคกลางอายุหลายร้อยปีในคืนวันปล่อยผี" เท่านั้นแหละ ต่อมความอยากก็ปะทุ เมื่อเปิดเวปไซต์เจอทริปนี้ก็ไม่ลังเลเลยที่จะไป โดยคุยกับเพื่อนผู้สมรู้ร่วมคิดครั้งนี้ สาว"แพม" ว่าไปกันนะ สาวแพมก็ตกลงทันที เพราะชีมีความหลงใหลในตำนานแดรกคูล่าเป็นทุนเดิม ชีชอบอะไรดาร์คๆกอธิคๆตามสไตล์สาวอาร์ต ทีนี้เราก็คิดกันต่อว่า จะชวนใครไปอีกดี เพราะมีโควต้าจองได้อีก 2 คน ก็เลยชักชวนเพื่อนสาวขาเที่ยวอีกหนึ่งนางนี้ ซึ่งเคยไปผจญภับกับผมมาแล้วหลายที่ "เซีย" ซึ่งชีก็ตอบตกลงแบบไม่ล้งเล พร้อมกับเหน็บเอาคุณสามี "อานน" ไปด้วย สรุปว่าครบถ้วนตามจำนวน ก็ไปลาพักร้อนกันซะนะสาวๆ แล้วจะได้รีบจองก่อนที่ทริปจะ sold out 

และแล้วสาวๆก็สามารถลาได้ตรงช่วงเวลาพอดี ถึงจะไม่เป๊ะๆ แต่ก็พอจะกระเถิบกระเดิ๊บวันได้ เราจึงมาลงมือทำการจองทริปนี้กัน โคยสรุปคือมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 4 ชีวิต ตามที่บอก เราเริ่มจองทริปเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 ก็ล่วงหน้านานทีเดียว 7 เดือน แต่เพราะว่าเป็นทริปที่มีโควต้าจำกัด เนื่องจากมีการจัดปาร์ตี้ฮาโลวีนในปราสาท ที่รับคนได้ไม่เกิน 250 คน  ก็ต้องรีบจองล่วงๆกันแบบนี้เป็นธรรมดา 

ต่อมาคือต้องคิดว่า จะเดินทางกันไปให้ถึงบูคาเรสต์ยังไง เพราะว่าไม่มีสายการบินไหนบินตรงเลย ต้องคำนึงถึงวีซ่าด้วย ถ้าจะไปทรานสิท และคำตอบก็อยู่ในลิงค์นี้ครับ 
ข้อมูลในบลอคสปอทนี้ คือข้อมูลที่ผมเขียนเอง เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการขอวีซ่า และสายการบินในทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผม กดเข้าไปอ่านกันดูครับ 

สรุปคือคร่าวๆสำหรับคนที่ขี้เกียจเข้าไปอ่านเรื่องวีซ่าแบบละเอียดตามลิงค์นะครับ คือวีซ่าโรมาเนียขอไม่ยากเลย ขั้นตอนไม่ซับซ้อน และ จนท ก็ใจดีมาก ส่วนเรื่องทางเลือกในการเดินทาง เราเลือกเดินทางด้วยสายการบินแห่งชาติรัสเซียหรือ  Aeroflot  เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK)  ไปยังสนามบิน Sheremetyevo (SVO) ที่กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย นอนพักค้าง 18 ชม ก่อนจะต่อเครื่อง Aeroflot เหมือนเดิมในวันรุ่งขึ้น เพื่อเดินทางต่อไปยังสนามบิน Henri Coanda (OTP) กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย .. เหตุผลที่สำคัญที่เดินทางแบบนี้ เพราะราคาตั๋วสมเหตุสมผลที่สุด และการเข้ามอสโคว คนไทยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า ถือว่าไปนอนพักระหว่างทาง 1 คืน แอบไปเที่ยวในเมืองมอสโควได้ด้วย ส่วนขากลับ ไม่จำเป็นต้องค้างอีก เพราะต่อเครื่องกลับได้เลยใน 3 ชม ครับ


โอเค จบ Part Prologue เท่านี้ก่อนครับ 
ขอบพระคุณที่ติดตาม
จะทำตอนต่อไปทันที รออ่านกันนะครับ สาบานว่าได้อะไรดีๆแน่นอน 



SIGHISOARA เมืองมรดกโลก