Saturday, January 2, 2016

-Part 4- DreamTrips Romania : โรมาเนีย ประเทศในฝันที่ไม่ได้มีแค่ตำนานแดรกคูล่า

Part4 : เริ่มทริปตามรอยแดรกคูล่าของแท้กันละ .. ลุย!! 

สวัสดีครับ ผม"เจ้าชายกบ" มารายงานตัวใน Part4 ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคิดตามเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวของเรานะครับ มาต้อช้ามาก เพราะไปเที่ยวมา 555 .. แต่ตอนต่อจากนี้ จะจัดรัวๆจนจบเลย ไหนๆก็ไม่ได้ไปเที่ยวปีใหม่ละ 
สำหรับ 4 ตอนแรก กดอ่านย้อนได้ตาม link นะครับ

-Prologue-
-Part1-
-Part2-
-Part3-

และนี่คือแผนการท่องเที่ยววันนี้ของเรา (30OCT)
  • ตื่นเช้ามากิน Breakfast ให้เสร็จก่อน 8 โมง 
  • วันนี้ย้ายเมืองวันแรก ไปแวะ Curtea De Arges เพื่อไปชมวิหารหลวง St.Nicholas ก่อนจะไปยัง Poenari Citadel หรือป้อมปราการที่เป็นที่อยู่ของ Vlad The Impaler
  • ขึ้นภูเขาไปชมซากป้อมปราการ โดยไต่บันได 1,480 ขั้น (ถ้าไหว
  • เดินทางไป Sibiu เมืองเก่าแก่แห่งอาณาจักร Transylvania ในอดีต และพักค้างคืน 

เนื่องจากเราซื้อแพกเกจทัวร์กับ DreamTrips การเดินทางในเส้นทางตามรอยแดรกคูล่าต่อจากนี้ จึงเป็นการเดินทางร่วมกับคณะทัวร์โดยรถบัสนะครับ รายละเอียดการเดินทางด้วยตัวเอง เราจะเอารายละเอียดมาแชร์ให้ในตอนสุดท้ายของบทความนะครับ จากนี้ จะขอเล่าเฉพาะในส่วนที่เราไปมาจริงๆก่อน 


เราออกเดินทางจาก Bucharest ตอน  08:00 เช้า โดยรถบัสขนาด 42 ที่นั่ง โดยมี Dan ไกด์ชาวโรมาเนียเป็นผู้ดูแล โดยในรถคันนี้ จะมีการบรรยายรายละเอียดต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ โชคดีที่สำเนียงของ Dan เป็นอะไรที่ฟังเข้าใจง่าย จริงๆสำเนียงภาษาอังกฤษของชาวโรมาเนียส่วนมากก็ฟังง่ายอยู่นะ .. สบายใจได้





จุดหมายแรกของเราคือเมือง Curtea De Arges ซึ่งมีระยะทางห่างจาก Bucharest ประมาณ 150 กม. มาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ระหว่างทางเลยมีแวะพักเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันนิดนึง 

ปั๊มน้ำมันที่นี่ ถ้ามีขนาดใหญ่สักหน่อยมักจะมีมินิมาร์ตอยู่ และมินิมาร์ตก็จะมีห้องน้ำ ให้คนที่แวะมาเติมน้ำมันเข้ามาใช้บริการได้ 



เดินทางต่อสักพักก็ถึงจุดหมายแรกของเรา  วิหารหลวง Curtea De Arges Monastery หรือโบสถ์ St.Nicholas แห่งเมือง Curtea De Arges ที่เป็นต้นแม่น้ำ Arges ที่เริ่มไหลมาจากเทือกเขา Carpathian  และไปรวมกับแม่น้ำดานูบอันโด่งดังนั่นเอง โดยวิหารหลวงแห่งนี้เป็นศาสนสถานของศาสนาคริสต์นิกาย Romanian Orthodox  สร้างขึ้นในปี 1512 และบูรณะเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันในปี 1886 

รูปทรงโดมหัวหอม 3 โดมคล้ายมัสยิดหลวงของชาวมุสลิม เป็นเอกลักษณ์อันเด่นชัดที่บ่งบอกความเป็น Eastern Orthodox ที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวเติร์กหรือชาวไบเซนไทม์ ที่ปกครองด้วยศาสนาอิสลามในอดีตของเขตปกครองแคว้นวาลัคเชียบริเวณนี้ 

วิหารนี้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ เซนต์นิโคลัส ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพสูงสุดในเหล่านักบุญทั้งหมดในนิกาย Orthodox โดยเชื่อกันว่า ท่านเป็นนักบุญที่จาริกแสวงบุญไปถึงอียิปต์และปาเลสไตน์เป็นคนแรก และยังเป็นผู้สร้างตำนานซานตาคลอสด้วย 

ตัววิหาร สร้างจากหินปูนที่มีสีเทาอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ภายในสร้างจากอิฐแดง และมีภาพเขียนสีแบบเฟรสโก หรือสีปูนเปียกที่สวยงามมาก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติด้วย










นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าของชาวมอลโดว่าที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้างวิหารแห่งนี้ ว่า Radu Negru  ผู้สร้างวิหาร ได้ว่าจ้าง Manole มาเป็นผู้คุมการก่อสร้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถก่อกำแพงโบสถ์ขึ้นมาได้ Radu Negru ขู่ว่า ถ้า Manole ไม่ยอมสร้างวิหารแห่งนี้ให้เสร็จ เขาจะประหารชีวิตคนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างทั้งหมด Manole จึงนึกถึงพิธีกรรมอันเก่าแก่ของชาวมอลโดว่า ว่าทุกครั้งที่มีการก่อสร้างวิหารเพื่อถวายแก่ทวยเทพ จะต้องมีการฝังร่างของผู้หญิงทั้งเป็นลงในกำแพงข้างหนึ่งของวิหาร Manole จึงประกาศว่า ในรุ่งสาง สตรีคนแรกที่เขาพบ จะเป็นคนที่ถูกเลือก และนั่นก็คือภรรยาของเขานั่นเอง และวิหารแห่งนี้ก็สร้างต่อได้จนสำเร็จ




หลังจากจุดนี้ เราก็เดินทางขึ้นเหนือไปอีก 27 กม. มุ่งสู่ยอดเขา Cetatea หนึ่งในยอดเขาทางตอนใต้ของเทือกเขา Carpathian ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออก และที่นี่เอง คือที่ตั้งของซากปราสาท หรือซากป้อมปราการ Poenari ของ Vlad III the Impaler ตามประวัติศาสตร์ หรือที่เรารู้จักกันว่า ท่านเคาท์แดรกคูล่านั่นเอง มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการก่อสร้างป้อมปราการแห่งนี้ว่า  Vlad III ได้เริ่มการก่อสร้างขึ้นในวันอีสเตอร์ ปี 1459 ด้วยการบังคับให้เหล่าขุนนางจากเมืองTirgoviste ที่หักหลังบิดาและฆ่าพี่ชายของเขาให้เดินเท้าขึ้นมาบนยอดเขาแห่งนี้ด้วยระยะทางกว่า 16 กม. และใช้แรงงานเยี่ยงทาส และสร้างจนแล้วเสร็จ

รถบัสจอดให้เราถึงจุดสตาร์ทเดินขึ้นเขาเวลา 12.15 pm กับอุณหภูมิประมาณ 13 องศา ถือว่าอากาศดีเลย กับการลุยขึ้นบันได้ 1,480 ขั้น คนที่อายุมากหรือมีปัญหาสุขภาพ Host ของเราจะพาไปนั่งรอที่ร้านอาหารใกล้ๆตรงตีนทางขึ้น ซึ่งเป็นที่ที่เราจะลงมากินอาหารกลางสันกันหลังจากพิชิตยอดเขาเรียบร้อยแล้ว 



เปิดทุกวัน 09:00-17:00 ค่าเข้าคนละ 5LEI หรือ 50 บาท

ระหว่างทางเดินที่ชันพอประมาณ บันไดมีขั้นสั้นๆ ยาวๆ สลับกันไป และมีจุดพักทั้งหมด 2 จุด  คือที่บริเวณขั้นบันไดที่ 600 และ 1,000 เราจะบอกว่า การเดินขึ้นนั้นไม่ได้โหดมากนัก แต่ด้วยอากาศที่แห้งและเย็น ถ้าไม่พกน้ำขึ้นมาดื่มด้วย รับรองว่าตายกลางทางแน่ๆ เราคอแห้งผากเพราะหายใจถี่มากตั้งแต่จุดพักแรก ถึงกับต้องถอดเสื้อหนาๆทั้งหมดออก แล้วพักดื่มน้ำเป็นระยะๆ แต่ก็เดินถึงซากป้อมปราการได้ในที่สุด โดยใช้เวลาไปทั้งหมด เกือบ 40 นาที  .. เหนื่อยมาก แต่พอขึ้นมาถึงก็คุ้มครับ เพราะสวยมากจริงๆ เราสามารถมองเห็นเทือกเขา Carpathians และแม่น้ำ Arges ได้เต็มๆลูกตาเลย แถมด้วยสีสันของใบไม้ในช่วงนี้ กำลังเปลี่ยนสีกันพอดี สวยแค่ไหน ชมจากภาพเอานะครับ 









ในส่วนของซากป้อมปราการนั้น ตามหลักฐานทางโบราณคดีนั้น ระบุว่าสร้างขึ้นในปี 1453 เพื่อใช้เป็นที่มั่นในการสู้รบของกองทัพ Vlad III  แต่ถูกทำลายลงจนในปัจจุบันจนเหลือแค่ส่วนฐานของตัวป้อมเท่านั้น โดยจะเป็นซากอาคารก่อด้วยอิฐ คล้ายๆวัดเก่าๆที่อยุธยาบ้านเรา มีความยาวฐาน 60 เมตร กว้าง 20 เมตร อยู่บนระดับความสูงที่ 850 เมตร จากระดับน้ำทะเล

Poenari Citadel ถูกนำไปเป็นสถานที่ในนิยายและเรื่องราวต่างๆมากมาย  เช่น ใน Davinci's Demons ก็มีเรื่องราวตอนนึงที่เล่าว่า ลีโอนาโด ดาวินชี่ นัดพบกับ วลาดที่สามที่ปราสาทแห่งนี้ด้วย 








หลังจากอิ่มเอมกับทัศนียภาพแล้ว ก็ได้เวลาเดินลงเขาเพื่อไปรับประทานอาหารเที่ยงกันละ ดูเวลาก็ตกใจ ว่าอ้าว นี่มันจะบ่ายสองกว่าแล้วเหรอเนี่ย วิวสวยจนลืมหิวเลยอะ Dan ไกด์ของเราเดินขึ้นมาตามเราและคนที่เหลือลงเขา เราใช้เวลาเกือบ 20 นาที  เดินลงมาที่ร้านอาหาร โดยอาหารมื้อเที่ยงนี้ รวมอยู่ในแพคเกจทัวร์แล้ว เราสังเกตว่า ที่นี่มีสุนัขจรจัดเต็มไปหมดเลยอะ เหมือนบ้านเราเปี๊ยบ แต่สุนัขที่นี่จะฟูฟ่องกว่า ตามสภาพอากาศ น่ารักทุกตัวเลย 




ร้านอาหารนี้ เป็นส่วนนึงของโรงแรม Pensiunea Le Cetate  ที่อยู่บริเวณทางขึ้นลงป้อมปราการ Poenari บรรยากาศเป็นแนว Log Cabin อาหารที่นี่เป็นอาหารพื้นเมือง เราก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่มีซุปใสเนื้อ ขนมปัง และจานหลักเป็นข้าวตุ๋นกับหมูอบซอสแบบโรมาเนีย สำหรับเรา เราว่าอร่อยดีนะ เหมือนกินโจ๊กข้นๆ กับหมูผัดซอสเปรี้ยวหวานอะ เรากินเกลี้ยงเลย ส่วนขนมหวาน เป็นเครปกับซอสเบอรี่ เราว่าไม่อร่อย แห้งๆ ด้านๆไปหน่อย เลยกินไปคำเดียวแล้ววาง 





เมื่ออิ่มได้ที่ ก็ขึ้นรถกันละ โดยเราออกเดินทางจากจุดนี้ตอน 16:00 pm  เดินทางต่อไปยังเมือง Sibiu ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่พักของเราในคืนนี้ครับ ระหว่างทางกว่า 130 กม. กับเวลาเกือบ 3 ชม. เพราะต้องผ่านเขาหลายลูกมากๆ เป็นการเดินทางข้ามเทือกเขา Carpathian  จากฝั่งนึงมาอีกฝั่งนึงเลย ทัศนียภาพระหว่างทางสวยงามมาก นั่งมองไปหลับไป จนมาถึงเมือง Sibiu ตอน  19:00 pm พอดิบพอดี 


โรงแรมที่เราเข้าพักในวันนี้ คือโรงแรม Continental Forum Sibiu เป็นโรงแรมมาตรฐาน 4 ดาว หลังจากได้รับกุญแจห้อง เราก็ขึ้นมาเก็บกระเป๋าและดูความเรียบร้อยของห้อง  โดยรวมๆ เราถือว่าเป็นโรงแรมที่ใช้ได้ แต่เราไม่ชอบห้องน้ำที่นี่  เนื่องจากไม่เป็นสัดส่วนชัดเจน คือ มีแค่กระจกฝ้ากันส่วนของห้องอาบน้ำและห้องส้วมเท่านั้น สามารถมอง ได้ยิน ได้กลิ่น ทุกสิ่งจากเตียงนอนเลย มันติดกันมาก มีเพียงกระจกกั้นเท่านั้นจริงๆ ร้องเพลงเมนเทอร์บีน้ำทิพย์ได้เลย ถ้าไม่สนิทกันมานอนห้องเดียวกันนี่ ต้องมีอายกันเลยล่ะ ทีวีมีช่องข่าวภาษาอังกฤษ 3 ช่อง นอกนั้น เป็นช่องท้องถิ่นครับ WiFi ถือว่าเร็วปกติ แต่ไม่ปรู๊ดปร๊าด ขนาดห้องกว้างประมาณ 30 ตร.


เรากับเซียนัดกันออกไปเดินสำรวจบริเวณรอบๆนิดหน่อย จะหาซื้ออะไรมากินกันหิวด้วย เพราะยังไม่ได้กินมื้อเย็นกัน ถึงจะยังอิ่มจากมื้อเที่ยงมาก็ตาม ส่วนอานนกับแพมขอรอที่ห้อง 

หน้าโรงแรม มีร้านขายข้าวโพดต้ม เซียอยากกินเลยปรี่เข้าไปซื้อ โดยเป็นข้าวโพดแกะใส่ถ้วย ราคาถ้วยละ 2 LEI ก็ประมาณ 20 บาท  คล้ายๆข้าวโพดเทสตร้บ้านเราอะครับ แต่มันเกิดความเข้าใจผิดนิดนึงตรงที่ เราบอกให้คนขายใส่ไอ้ผงๆในขวดเยอะๆหน่อย .. โดยเข้าใจว่ามันคือน้ำตาล แต่ในความเป็นจริง มันคือเกลือครับ!! เค็มซะ!! 


เดินไปทางขวาของโรงแรม จะเป็น walking street ของเมือง Sibiu ตอนนี้ก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว ก็ไม่มีร้านรวงเปิดมากนัก โชคดีมี super market เปิดถึง 5 ทุ่ม เราเลยเข้าไปซื้อเสบียงได้ 

ก่อนกลับโรงแรมก็แวะถ่ายรูปตรงจัตุรัสกลางเมืองยามดึกสักหน่อย ยังมีคนมาเดินเล่น มีเด็กๆซ้อมดนตรีกันอยู่เลย  







พรุ่งนี้เช้าเราจะมีเวลาที่นี่ครึ่งวัน เดี๋ยวมาเที่ยวกันต่อพรุ่งนี้นะครับ สำหรับคืนนี้ก็จบลงตรงนี้ก่อน 
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับ 

ขอจบ -Part4- เอาไว้ตรงนี้
เราจะรีบกลับมาเล่าตอนต่อไป ฝากติดตามอ่าน กดแชร์ลงเฟสบุ๊คกันด้วยนะครับ 

>>สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ ราคาต่อคน<<
  • ค่า Sandwich มื้อเย็นที่ Sibiu 6 LEI = 60 บาท
  • ค่าน้ำดื่มขวดลิตร 2.2 LEI = 22 บาท 
  • ค่านมกล่อง 1.25 ลิตร 4.5 LEI  = 45 บาท
และติดตามรูปสวยๆและเรื่องราวการท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่ 


1 comment:

  1. 2019 ford fusion hybrid titanium - Titanium Arts
    The titanium mountain bikes 2019 Ford ti 89 titanium calculator Fusion Hybrid Titanium ecm titanium is designed titanium easy flux 125 amp welder to create is titanium a conductor an ultra-long-lasting, durable and versatile fusion system that will transform your gaming

    ReplyDelete