Part5 : เดินไปตรงไหนก็โดนจับตามอง ที่ Sibiu ศูนย์กลางการปกครองของ Transylvania ในยุคกลาง กับตำนานแม่มดจอมโกหก
สวัสดีครับ ผม"เจ้าชายกบ" มารายงานตัวใน Part5 กันแล้วนะครับ ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคิดตามเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวของเรานะครับ
สำหรับ 5 ตอนแรก กดอ่านย้อนได้ตาม link นะครับ
-Prologue-
-Part1-
-Part2-
-Part3-
-Part4-
และนี่คือแผนการท่องเที่ยววันนี้ของเรา (31OCT)
- ตื่นเช้ามากิน Breakfast
- เดินชมเมือง Sibiu จนถึง 14:00
- เดินทางไปเมือง Hunedoara เพื่อเข้าร่วมปาร์ตี้คืนวันฮาโลวีน
- เข้าโรงแรมที่พักที่เมือง Hunedoara
- ปาร์ตี้ปล่อยผีเริ่ม 19:00 ที่ปราสาท Corvinus อันโด่งดังที่สร้างขึ้นในยุคกลาง
วันนี้เราจะเดินเที่ยวชมบรรยากาศในเมือง Sibiu กันครับ ก่อนอื่น มาทำความรู้จักเมืองนี้กันก่อนดีกว่า
*Sibiu (ซิบูว์) เป็นเมืองสำคัญของแคว้น Transylvania ในอดีต สมัยอาณาจักร Dacia เรืองอำนาจ อยู่ห่างจากกรุงบูคาเรสต์มาทางตะวันตกเฉียงเหนือ 250 กม. เป็นศูนย์กลางการปกครองของแคว้นทรานซิลเวเนียในยุคกลาง เคยถูกปกครองโดยหลายอำนาจ ทั้งฮังการี โรมัน เติร์ก เวียนนา และฮับส์บวกส์ ก่อนได้กลับมาเป็นโรมาเนียในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และในปัจจุบัน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เป็นเมืองที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 2004 และยังรวมถึงการขึ้นเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมอีกกว่า 12 แห่ง แถมนิตยสาร Forbes ยังจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดอันดับ 8 ในทวีปยุโรปอีกด้วย*
เนื่องจากโรงแรมที่เราพัก ตั้งอยู่ตรงปากทางเขตเมืองเก่าฝั่ง Upper Town พอดี การเดินเที่ยวจึงเป็นเรื่องที่น่าคบหาอย่างมาก คือเราชอบเดินด้วยล่ะ มันซึมซับดูดดื่มกว่าเยอะ เราบอกตรงๆเลยว่า เราไม่มีแผนการอะไรเลย กะว่าจะเดินมันไปเรื่อยๆ เจออะไรน่าสนใจก็เข้าไปดู เพราะจริงๆแล้ว ไกด์ Dan ของเราได้กำหนดเวลาการพาเที่ยวเอาไว้ โดย Dan จะพาเดินชมเมือง Sibiu ตั้งแต่เวลา 9:00-12:00 และรถจะออกเดินทางจากโรงแรมตอน 14:00 พวกเราตัดสินใจกันว่า เราจะไม่เดินตาม Dan จะเดินเล่นกันเองดีกว่า
เมื่อรับประทานอาหารเช้ากันเต็มที่แล้ว (อาหารเช้าที่โรงแรม Continental Forum Sibiu นี่ให้ 4 ดาวเลย คือครบนะ แต่ที่น้อย เพราะโรงแรมเล็ก เลยดูแย่งๆกันกับแขกคนอื่นไปหน่อย) ก็เอากระเป๋า สัมภาระลงมาจากห้อง เชคเอาท์ และเอากระเป๋าไปไว้ที่รถก่อน แล้วจึงเริ่มโปรแกรมการเที่ยวครับ อุณหภูมิตอนนี้ 10 องศาเซลเซียส กำลังดีเลยครับ
โดยเราเดินมุ่งเข้ามาที่แกรนด์สแควร์กันก่อน โดยที่คนที่นี่เรียกกันว่า Piata Mare ที่นี่เป็นจัตุรัสเก่าแก่ที่ใหญ่ที่สุดของ Sibiu ถูกใช้ศูนย์กลางของเมืองมาตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 มีความยาว 142 เมตร กว้าง 93 เมตร และเป็นที่ตั้งของ Brukenthal Palace หรือพระราชวังบรูคเคนธาล ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ว่าการของรัฐในปี 1777 รูปทรงอาคารแบบบารอคที่สวยงาม และเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1871 ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจัตุรัส
บริเวณจัตุรัสนี้ ยังเป็นที่ตั้งของอาคารเก่าแก่ดั้งเดิมทั้งหมดที่สร้างขึ้นในยุคกลาง และที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมากของ Sibiu คืออาคารที่มีหลังคามุงกระเบื้องดินเผา ที่เจาะช่องหน้าต่างห้องใต้หลังคาเป็นรูปคล้ายดวงตา เวลาเรามองไปรอบๆ จะรู้สึกเหมือนมีคนจ้องเราอยู่ยังไงไม่รู้ จะว่าไปมันก็น่ารักดี แต่ถ้ากลางคืนนี่ก็อาจจะขนลุกเบาๆ ลองดูจากภาพเอาเองละกันนะ
เดินมาทางทิศเหนือของจัตุรัส จะพบกับหอนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดของเมือง The Council Tower หรือ Turnul Sfatului ในภาษาโรมาเนีย และเมื่อเดินลอดทางเดินใต้หอนาฬิกาออกไป ก็จะไปถึงยังอีกฝั่งนึงของเมืองซึ่งถือเป็นเขตชั้นนอก ทางลงไป Lower Town และเป็นทางออกไปยังสะพานข้ามแม่น้ำ Cibin แต่เดี๋ยวนะ เราไม่ได้จะไปไกลขนาดนั้น เราจะเดินสำรวจเมืองเก่า โดยมีจุดที่น่าสนใจอยู่ 3 จุดหลักๆเลย คือ หอนาฬิกา วิหารเซนต์แมรี่ และสะพานจอมลวง
สะพานจอมลวง : Liars Bridge (หรือ The Bridge of Lies หรือ Lügenbrücke ในภาษาเยอรมัน หรือ Podul Mincinosilor ในภาษาโรมาเนีย) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมทางเดินระหว่างสองฝากถนนของจัตุรัสเล็กในเขตเมือง Sibiu เมื่อปี 1859 โดยเป็นการสร้างทดแทนของเดิมที่ทำจากไม้ เปลี่ยนมาเป็นเหล็กโดยชาว Saxons นับเป็นสะพานแห่งแรกของยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ที่สร้างขึ้นด้วยเหล็ก
ตำนานเล่าว่า ในยุคกลางสมัยที่สะพานนี้ยังเป็นไม้ เมื่อมีใครพูดความเท็จต่อคนที่ตนรักบนสะพานแห่งนี้ ไม้จะถล่มลงตรงบริเวณที่คนที่พูดโกหกยืนอยู่พอดี เป็นสาเหตุให้เรียกชื่อสะพานติดปากกันมาว่าสะพานจอมลวง แต่ก็มีอีกตำนานที่ดูน่าเชื่อกว่า ย้อนกลับไปยุคต้นศตวรรษที่14 ในยุคที่มีความเชื่อเรื่องแม่มดหมอผี หากมีหญิงคนไหนถูกจับได้ว่าเป็นแม่มด จะถูกนำมาสอบสวนและประหารชีวิตโดยการแขวนคอที่สะพานแห่งนี้ และทุกคนที่ถูกจับมาก็ล้วนแก้ต่างว่าตนเองไม่ใช่แม่มด ชาวบ้านเลยเรียกกันจนติดปากว่าสะพานจอมลวงนั่นเอง ในปัจจุบันนี้ ก็ยังมีเสาไม้เก่าแก่ที่เคยเป็นคานของสะพานในอดีต ที่เคยใช้ผูกตรวนนักโทษ และแขวนคอ ตั้งเด่นหราอยู่ข้างๆสะพานกันเลย .. น่ากลัวมาก ดูโหดไปนะ เราก็เลยลองไปยืนยิ้มตอแหลใส่กันดูตามรูป แต่สะพานก็ไม่ถล่มนะแปลว่ามันไม่มีผลกับเราอุอุ
ถ้าเรามองลงจากสะพานไปด้านล่าง จะพบกับถนน Piata Mica ซึ่งเป็นถนนโบราณที่ปูด้วยหิน ทอดยาวไปจนถึงถนนหลวงสายที่ใช้ในปัจจุบันสู่เขตรอบนอกนั่นเอง
เดินต่อมาอีกนิดเดียว ก็ถึงวิหารเซนต์แมรี่ หรือ Lutheran Cathedral of Saint Mary (Evangelische Stadtpfarrkirche in Hermannstadt ในภาษาเยอรมัน และ Biserica Evanghelică din Sibiu ในภาษาโรมาเนีย) เป็นอาสนะวิหารที่ใช้ประกอบพิธีการทางศาสนาคริสต์ นิกายลูแทราน หรือโปเตสแตนต์ ที่เชื่อตามมาร์ติน ลูเธอร์นั่นเอง (ขอไม่ลงลึกนะครับเรื่องศาสนา เราไม่รู้เยอะเดี๋ยวผิด)
สร้างขึ้นเมื่อปี 1371 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 1520 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในแคว้นทรานซิลเวเนีย ด้วยความสูงของยอดหอนาฬิกาถึง 73.34 เมตร จึงเป็นวิหารที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองในทรานซิลเวเนียด้วย บนยอดหลังคาโดมแหลมด้านนอก ยังมีหอคอยเล็กตั้งอยู่ทั้ง 4 มุม เป็นการบอกให้รู้ได้ว่า ที่นี่เคยใช้เป็นที่แขวนคอประจาน ตามความเชื่อของผู้ปกครองนิกายลูแทราน คือจะต้องประหารชีวิตผู้กระทำผิดและแขวนคอที่ยอดที่สูงที่สุดของเมืองเท่านั้น
วิหารนี้ เคยใช้เป็นที่ฝังศพของผู้นำที่มีคุณงามความดีต่อแคว้นมากว่า 300 ปี แต่ยกเลิกเมื่อช่วงปี 1796
เราเดินมาถึงทางเข้าวิหาร พร้อมๆกับที่ไกด์ Dan ของเรา กำลังนำเหล่า DreamTrippers คนอื่นๆที่ตาม Dan มาตั้งแต่แรกเดินมาตรงนี้พอดี เราเลยถือโอกาสนี้เข้าร่วมกับกลุ่ม เพราะว่าจะได้ไม่ต้องเสียค่าเข้าวิหารเอง 555 ก็จ่ายค่าทัวร์มาแล้วนี่นา เอาให้คุ้มสิ ห้าสิบบาทก็ยังดีนะคะคุณตำรวจจจ
เมื่อเข้าไปด้านใน สิ่งแรกที่พบคือที่นั่งสวดมนต์ เยอะมากๆ และข้างในก็ใหญ่โต โอ่อ่ามากๆจริงๆ พอแหงนหน้าดูด้านบน ก็พบกับออแกนขนาดยักษ์ สืบมาได้ความว่า ออแกนอันนี้ สร้างโดยช่างชาวสโลวัก และเอามาแทนที่ออแกนอันเก่าที่เล็กกว่าเมื่อปี 1671 และเป็นออแกนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ (อีกแล้ว) และทุกวันพุธ จะมีการจัดคอนเสิร์ตให้เข้าชมด้วย
ในส่วนของคูหาสวดมนต์ มีรูปสัญลักษณ์ของพระผู้เป็นเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ และมีรูปวาดสีน้ำมันชื่อ The Crucifixion หรือ การตรึงกางเขน โดยจิตรกร Johannes de Rozenaw ที่วาดขึ้นในปี 1445 โดยปัจจุบันไม่สามารถประเมินค่าได้ ก็แหงสิ รูปวาดใหญ่ และสมบูรณ์ขนาดนี้ อายุตั้งเกือบ 600 ปีนะคุณ
ถัดมาทางด้านหลัง จะเป็นห้องพระคลัง ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่เก็บของบรรณาการจากต่างเมือง ปัจจุบันก็ยังพอมีของบางชิ้นจัดแสดงเอาไว้ ของเจ๋งๆแจ่มๆ เค้าเอาไปเก็บหมดละล่ะ
เราเดินออกมาจากวิหาร แล้วไปยังที่สุดท้ายตามแพลน คือหอนาฬิกา
หอนาฬิกา : The Council Tower (Turnul Sfatului ในภาษาโรมาเนีย) แห่งนี้ สร้างขึ้นในต้นคริสตศตวรรษที่ 13 เพื่อใช้เป็นหอสังเกตการณ์และป้อมปราการทางการรบในยุคแรก หลังจากเกิดการล่มสลายของผู้นำหลายต่อหลายครั้ง การถูกเข้ายึดครองจากชนต่างๆ ทำให้หน้าที่ของมันเปลี่ยนไปเป็นหอนาฬิกาและหอสังเกตการณ์เท่านั้น ปัจจุบัน ใช้เป็นที่แสดงผลงานศิลปะ และเป็นจุดชมวิวของ Sibiu
เรากับอานนขึ้นไปกันสองคน ส่วนสองสาวบอกว่าขอตัวไปหาอะไรร้อนๆดื่มนั่งรอดีกว่า เพราะขี้เกียจปีน โดยทางขึ้นจะเป็นบันไดวนทำด้วยปูนขนาดเล็ก พอขึ้นไปได้ชั้นนึง จะพบห้องขายตั๋ว ซึ่งเราต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 2 LEI หรือประมาณ 20 บาท พอขึ้นมาถึงชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นโครงสร้างไม้ บันไดก็จะเป็นบันไดที่ทำจากไม้ มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่ชั้นที่ 5 เป็นกลไกของนาฬิกา และชั้นบนสุดคือชั้นที่ 6 เป็นจุดชมวิวครับ
จะบอกว่า วิวสวยมากจริงๆ ใครได้มาเที่ยว Sibiu ควรขึ้นนะครับ เพราะจะได้รูปสวยๆจากมุมสูงติดกลับไปด้วยแน่นอน
หลังจากเรากับอานน ชมวิวจนพอใจแล้ว ก็ลงมาเจอกับเซียและแพม และตัดสินใจหาอะไรกินดีกว่า เพราะเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ ถึงจะถึงเวลานัดออกเดินทาง
เราเลือกร้านอาหาร Gothic ซึ่งเป็นส่วนด้านหน้าของโรงแรม Am Rings เป็นโรงแรมขนาดเล็ก ราคาไม่แพงนะ เผื่อใครสนใจ คือละพันกว่าบาท โลเคชั่นชนะเลิศนะ แต่อาจจะได้ยินเสียงแม่มดบ้างเท่านั้นเอง ^^ หุหุ
เราสั่งอาหารมาแชร์กันแค่ 3-4 จาน เพราะไม่ได้หิวโหยอะไรมาก มีพิซซ่า สเต็ก สลัด และน้ำหวานคนละแก้ว รสชาติอาหารไม่ถึงกับว้าว แต่ก็ใช้ได้ ราคาสูงเมื่อเทียบกับร้านที่เราเคยกินมา แต่ก็ไม่แพงนะ สรุปค่าเสียหายทั้งหมดคือ 126LEI ประมาณ 1,260 บาทไทย ตกคนละ 300 บาท ก็ไม่ชั่วร้ายอะไรเลยนะ แต่อาหารที่เราสั่งมันไม่ได้เยอะจนกินอิ่ม
กินเสร็จแล้ว ก็ไปที่จุดนัดพบ คือที่รถบัส ระหว่างทางเดินแวะซื้อขนมยอดฮิตหน่อยนึงเห็นคนกินกันเยอะ หน้าตาคล้ายๆ Pretzels แต่มีไส้ เรียกว่า Gogisi อันนึงประมาณ 2-3 LEI ก็ 20-30 บาท อานนอยากลองไส้ชอกโกแลต เลยซื้อมาอันนึง สรุปอร่อยอ่ะแกร ดีงาม
พอได้เวลา 14:00 รถก็ออกเดินทางสู่เมือง Hunedoara ทันที เพื่อที่จะไปยังโรงแรมที่พัก เพื่อเตรียมตัวสำหรับปาร์ตี้คืนนี้ โอ๊ยยย ตื่นเต้นสุดๆ ไฮไลท์ของทริปเลยนะเนี่ย
ขอจบ -Part5- เอาไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ
จริงๆในวันนี้ มีเรื่องของปาร์ตี้ฮาโลวีนด้วย แต่เนื่องจากว่ารูปเยอะมาก จึงขอเอาไปเป็น Part6 แยกเลยดีกว่า ฝากติดตามอ่านตอนหน้าด้วย รับรองเด็ดมาก ถ้าชอบก็ฝากกดไลค์กดแชร์ลงเฟสบุ๊คกันด้วยนะครับ
>>สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้ ราคาต่อคน<<
- ค่าขึ้นหอนาฬิกา Sibiu 2 LEI = 20 บาท
- ค่าอาหารกลางวันที่ร้าน Gothic 33 LEI = 330 บาท
และติดตามรูปสวยๆและเรื่องราวการท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่
No comments:
Post a Comment